SLS คืออะไร? ทำไมถึงถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนใหญ่
หากลองพลิกฉลากแชมพู ยาสีฟัน หรือโฟมล้างหน้าที่เราใช้ในทุกวัน อาจเคยเห็นชื่อสาร SLS อยู่ในส่วนผสม เพราะสารตัวนี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด ซึ่ง SLS คือ สารที่มีคุณสมบัติช่วยให้เกิดฟองและทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่เมื่อเทรนด์กระแสของ SLS Free เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ทั้งผู้บริโภคเองหรือเจ้าของแบรนด์ก็อาจจะกลับมาตั้งคำถามว่า แล้ว SLS ยังจำเป็นในผลิตภัณฑ์อยู่หรือเปล่า วันนี้เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน ว่า SLS ดีอย่างไร มีข้อควรระวังในการใช้งานหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางทั้งสำหรับคนใช้งานในการเลือกผลิตภัณฑ์ และเจ้าของแบรนด์ในการปรับตัว
SLS คือ อะไร
SLS หรือ Sodium Lauryl Sulfate คือสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษในการสลายแรงตึงผิวระหว่างน้ำกับน้ำมัน ทำให้สามารถขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวขอวัตถุหรือร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น
- สร้างฟอง ทำให้รู้สึกสะอาดและใช้งานง่าย
- ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์กระจายตัวได้ดี ทำให้สารอื่นๆ ในสูตรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มาของ SLS
SLS ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1930 และได้รับการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมทำความสะอาดอย่างแพร่หลายตั้งแต่นั้นมา สารนี้สามารถสังเคราะห์ได้จากน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันปาล์ม ซึ่งผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้คุณสมบัติในการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ
และปัจจุบัน SLS ได้รับการยอมรับและอนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ เช่น FDA ของสหรัฐอเมริกา และ EU Cosmetics Regulation ของสหภาพยุโรป เมื่อใช้ในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมและปลอดภัย
อ้างอิง: https://www.chemicalsafetyfacts.org/chemicals/sodium-lauryl-sulfate-sls/
SLS คือ สามารถพบในผลิตภัณฑ์ใดบ้าง?
เนื่องจาก SLS มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดที่ดีและราคาไม่สูง จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ทั้งในบ้านและในชีวิตประจำวัน ได้แก่
- แชมพู – ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะ พร้อมสร้างฟองที่นุ่มลื่น
- สบู่ – ทำความสะอาดผิวกาย ขจัดคราบน้ำมันและเหงื่อได้ดี
- ยาสีฟัน – ช่วยสร้างฟองเพื่อกระจายสารทำความสะอาดไปทั่วช่องปาก
- โฟมล้างหน้า – ล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้อย่างหมดจด
- น้ำยาล้างจาน – ขจัดคราบไขมันจากภาชนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผงซักฟอก – ช่วยให้ผ้าสะอาดและขจัดคราบต่างๆ ได้ดี
ข้อดีของการใช้สาร SLS ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
SLS มีประโยชน์อย่างมากเมื่อใช้อย่างถูกต้องในระดับความเข้มข้นที่ปลอดภัย โดยมีข้อดีคือ
- ผ่านการใช้งานมายาวนานและได้รับการรับรอง
SLS ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์มากว่า 80 – 90 ปี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศว่าปลอดภัยเมื่อใช้ในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม - สร้างฟองที่นุ่มและหนาแน่น
การมีฟองช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ทำงานได้ดีและสะอาดขณะใช้งาน นอกจากนี้ฟองยังช่วยกระจายสารทำความสะอาดไปทั่วพื้นผิว - ชะล้างสิ่งสกปรกและคราบมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
SLS มีความสามารถสูงในการดึงไขมันและสิ่งสกปรกออกจากผิวหรือวัตถุ ทำให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้ดีเยี่ยม - ช่วยให้สารอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์กระจายตัวได้ดี
SLS ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ช่วยให้ส่วนผสมต่างๆ ในสูตรผสมกันได้ดีและกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ - ราคาวัตถุดิบไม่สูง เหมาะกับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
ต้นทุนการผลิตที่ไม่แพงทำให้ผู้ผลิตสามารถทำราคาสินค้าที่เหมาะสมกับผู้บริโภค พร้อมรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้
ข้อควรระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร SLS คือ
ถึงแม้ว่าจะมีข้อดีรวมถึงมีการรับรองการใช้งานในระดับสากล แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้งานอยู่ด้วยเช่นกัน คือ
- อาจทำให้ผิวแห้งตึงหรือระคายเคือง
SLS มีคุณสมบัติในการขจัดไขมันได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็อาจขจัดน้ำมันธรรมชาติของผิวไปด้วย ทำให้ผิวแห้งและตึง โดยเฉพาะเมื่อใช้บ่อยหรือในปริมาณมาก - อาจทำให้หนังศีรษะแห้งและเกิดรังแคในบางคน
ผู้ที่มีหนังศีรษะแห้งอยู่แล้ว การใช้แชมพูที่มี SLS อาจทำให้อาการแย่ลงและอาจเกิดรังแคได้ - ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอาจเกิดอาการคัน แดง หรืออักเสบ
ในบางราย SLS อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้สัมผัสหรือผื่นแดงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือเป็นโรคผิวหนังอยู่แล้ว - หากเข้าตา อาจก่อให้เกิดการแสบตาหรือระคายเคืองชั่วคราว
SLS สามารถทำให้ตาระคายเคืองได้หากสัมผัสโดยตรง แต่อาการมักจะหายไปเองเมื่อล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี SLS
ถ้าหากไม่นับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SLS บ่อยหรือปริมาณมากเกินไป จะมีกลุ่มคน 2 กลุ่มที่แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ SLS คือเด็กเล็ก และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิว
เด็กเล็กและทารก
ผิวของเด็กและทารกยังบอบบางและอ่อนไหวกว่าผู้ใหญ่ จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่มีสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
ผู้ที่มีผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือเป็นโรคผิวหนัง
ผู้ที่มีอาการผิวอักเสบ เช่น ผื่นแพ้สัมผัส, โรคสะเก็ดเงิน, หรือกลากเกลื้อน ควรหลีกเลี่ยง SLS เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้
ผลิตภัณฑ์ SLS Free ทางเลือกที่อ่อนโยนและได้รับความนิยมมากขึ้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับส่วนผสม มากขึ้น แบรนด์ต่าง ๆ จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์สูตร SLS Free เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีผิวบอบบาง หรือมองหาทางเลือกที่อ่อนโยนกว่า
หลายแบรนด์ทั้งที่มีชื่อเสียงและแบรนด์ใหม่ในตลาดได้หันมาพัฒนาสูตรที่เน้นความอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เด็ก หรือผู้ที่ต้องการลดการสัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ผลิตภัณฑ์ SLS Free มักใช้สารลดแรงตึงผิวจากธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์ที่อ่อนโยนกว่า เช่น Sodium Laureth Sulfate (SLES), Cocamidopropyl Betaine หรือ Decyl Glucoside
ดังนั้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ SLS Free นอกจากจะเพิ่มโอกาสที่ดีในตลาดแล้ว ยังช่วยเพิ่มภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูใส่ใจและทันสมัย เหมาะกับทั้งแบรนด์ใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาด และแบรนด์เดิมที่ต้องการขยายฐานลูกค้า
แนวทางของเจ้าของแบรนด์ในการปรับตัวต่อเทรนด์ SLS และความต้องการของผู้บริโภค
1. ปรับกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์
เจ้าของแบรนด์ควรเริ่มจากการประเมินกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากลูกค้าหลักคือผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับผิวแพ้ง่ายหรือสุขภาพผิว ควรพิจารณาพัฒนา สูตร SLS Free หรือใช้สารทำความสะอาดจากธรรมชาติที่ให้ฟองนุ่มและระคายเคืองต่ำแทน SLS เพื่อเพิ่มโอกาสในตลาด
2. ไม่จำเป็นต้องหยุดการใช้ SLS
เพราะตามที่บอกว่า SLS ไม่ใช่สารอันตรายที่ต้องมองเป็นตัวร้าน รวมถึงยังมีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์สูตรเดิมอยู่ ดังนั้นการหยุดใช้ SLS เลยก็อาจส่งผลเสียในด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าเดิมได้
แต่ควรปรับการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดี รวมถึงให้คำแนะนำในการใช้งานที่เหมาะสมมากขึ้น
3. สื่อสารอย่างโปร่งใส ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
การสื่อสารที่ “ชัดเจนและจริงใจ” จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ เช่น การระบุว่า “ปราศจาก SLS” พร้อมอธิบายว่าแทนด้วยสารชนิดใด และมีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจ ไม่ใช่แค่ทำการตลาดตามกระแส
4. ใช้การตลาดเชิงให้ความรู้
แบรนด์สามารถสร้างคอนเทนต์ให้ความรู้ เช่น ความแตกต่าง, วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อช่วยให้แบรนด์ดูมีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือ รวมถึงยังเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าด้วย
5. สร้างจุดขายด้านความยั่งยืน (Sustainability)
หากมีการปรับสูตรจาก SLS ไปสู่สารจากธรรมชาติอื่นๆ ควรต่อยอดด้วยแนวคิด Sustainability เช่น บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล หรือกระบวนการผลิตที่ลดของเสีย สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมคุณค่าของแบรนด์ในระยะยาว
6. ร่วมมือกับผู้ผลิตที่เข้าใจตลาดและเทรนด์ส่วนผสม
เลือกพาร์ทเนอร์โรงงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตร และสามารถแนะนำสารทดแทน SLS ที่ได้มาตรฐาน
สรุป
ปกติแล้ว SLS เป็นสารที่ไม่ได้ก่ออันตราย เมื่อใช้ในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมและได้รับการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อควรระวังในการใช้งานสำหรับกลุ่มคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้ง
ในตลาดปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ในแบบดั้งเดิมที่มี SLS ก็ยังคงเป็นที่ต้องการ ขณะเดียวกันก็มีทางเลือกใหม่ๆ อย่างผลิตภัณฑ์ SLS Free ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ให้ลงตัวทั้งในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย
วธูธร เราเข้าใจความต้องการของเจ้าของแบรนด์
โรงงานผลิตครีม วธูธร เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเครื่องสำอาง เรามีทีมวิจัยและนักเคมีผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยออกแบบสูตรให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ในแบรนด์คุณ ที่ผลิตออกจากโรงงานของเรานั้นตอบโจทย์ตลาดทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และภาพลักษณ์ของแบรนด์ และสามารถแข่งขันเพื่อทำกำไรให้คุณได้จริงในตลาด!
- คุณภาพมาตรฐานการผลิตระดับสากลที่มั่นใจได้
- มีสูตรหลากหลายให้เลือก
- ทีม R&D ที่พร้อมออกแบบและพัฒนาสูตรใหม่ตามต้องการ
- รองรับการผลิตสำหรับธุรกิจทุกระดับ
- บริการครบวงจรจบในที่เดียว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
โทรศัพท์ : 02-961-7944
Hotline: 062-598-4224
Email: wathoothornsales@gmail.com, sales@wathoothorn.com
จันทร์ – ศุกร์ : 08.30-17.30 (หยุด เสาร์-อาทิตย์)